วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ตั้งใจให้ลูกน้อยเติบใหญ่อย่างองอาจในทุกๆวันถือเป็นความหวังสูงสุดของผู้ที่เป็นแม่และพ่ออย่างมาก เวลาที่ลูกล้มหมอนนอนเสื่อ หัวอกของพ่อแม่ก็แทบละลาย

แต่การที่ลูกจะมีอนามัยดี และแข็งแกร่งนั้นก็มิได้จะเกิดขึ้นกับเด็กทั้งหมด เช่นกับน้องแอมป์บุตรสาวคนเล็กของคุณยุพาพร เด็กน้อยคนนี้มีอายุเพียงสองขวบเศษเท่านั้น ก็สัมผัสพบกับโรคชั่วร้าย ล้มหมอนนอนเสื่อเป็นโรคมะเร็งในช่องท้อง

“ค่ำคืนหนึ่งน้องเกิดมีไข้สูงถึง 38-40 องศา ต้องบึ่งพาส่งโรงหมอโดยเฉพาะหน้า ครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2554 เมื่อก่อนนี้มีทีท่าท้องโต ปวดท้องอย่างมากที่สุด ท้องผูก และอุจจาระแข็ง หมอขอกระทำการเจาะเลือด เจาะไขสันหลัง เพื่อหามะเร็งและนำเลือดไปตรวจทานที่ห้องปฏิบัติการ”

“ผลตรวจพบเห็นเนื้อร้ายในท้องของน้อง มีความยาวราวๆ 8 เซนติเมตร กว้าง 5 เซนติเมตร จำเป็นต้องกรีดท้องเพื่อนำชิ้นเนื้อในท้องไปวิเคราะห์เพื่อควานหาคำตอบ ระหว่างนั้นแพทย์ก็แจ้งกับคุณยุพาพร ผู้เป็นแม่ให้ทำใจเอาไว้ว่าชิ้นเนื้อที่พาไปพิจารณานั้น อาจจะเป็น เนื้อร้าย 80% สิ้นเสียงแพทย์ราวกับฟ้าผ่าลงกลางใจของคนเป็นแม่”

“ดิฉันทำได้เพียงพยักหน้าแล้วอุ้มลูกมาโอบรัดไว้ที่อก ลูกเองก็โอบรัดแม่เอาหน้าแนบไหล่ ได้แต่กล่าวในใจว่าลูกยังเด็กนักเกิดมาได้ 1 ปี 6 เดือน ต้องไปจากกันแล้วเหรอ แล้วกล่าวกับตนเองว่าน้องยังตายไม่ได้แม่จะดำเนินการทุกอย่างเพื่อขอให้ลูกยังชีพอยู่ เมื่อถึงบ้านก็ไม่พูดกับใครได้แต่สวดมนต์จนพ่อของน้องโทรมาหาดิฉัน ดิฉันเล่าไปร้องไห้ไปจนปวดศรีษะ พ่อน้องบอกให้อย่างไรก็ต้องเยียวยา”

ผลพิจารณาจากห้องแล็ปถูกพามาในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ปรากฏว่าชิ้นเนื้อที่ส่งไปพิจารณานั้นมิใช่เนื้อร้าย แต่ก็จำต้องรีบทำการดูแลรักษาด้วยการให้เคมีบำบัด

“การให้เคมีบำบัดครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม ทำให้เส้นของน้องระเบิด มีไข้ และเกล็ดเลือดลดลง คุณหมอทำการวิเคราะห์สแกนกระดูก เมื่อกลับมาพักรักษาตัวที่บ้าน ดิฉันกับสามี ต้องพร้อมใจกันฉีดยาสลายลิ่มเลือดให้ลูกทุกเมื่อเชื่อวัน ลูกก็ยังต้องกินยาลดความดันสูงทุกวี่ทุกวัน”

“ช่วงที่ทำคีโมผิวของน้องเริ่มคล้ำ เล็บมือและเล็บเท้าก็ดำคล้ำ ปากซีดเผือด หน้าเซียว ผมก็คล้ายกับต้นหญ้าแห้งไหม้ ผิวเหี่ยว เพียงแค่ก้าวเดินก็ไม่มีแรง รับประทานอาหารได้เบาบาง และเขาจะร้องห่มร้องไห้ขี้กลัวคนแปลกหน้า โดยเฉพาะแพทย์และนางพยาบาล”

แม้จะอยู่ในช่วงเวลาความทุกข์ทรมานของญาติพี่น้อง เรื่องที่ดีก็เกิดขึ้นพอให้ใครๆในบ้านมีแรงใจขึ้นมามั่งไม่มากก็น้อย เมื่อบ้านใกล้เรือนเคียงแนะนำน้ำ ACTIV120 ให้กับน้องได้ลองดูดื่ม

“หลานของคนแถวบ้านคนนี้เป็นโรคพุ่มพวงและได้นำน้ำดื่มแอคทิเวท (Activated Water)มาดื่มพร้อมด้วยใช้ล้างตัว ผลคือหลานมีสภาพบรรเทาอย่างยิ่ง จากเหตุนี้จึงตัดสินใจให้น้องดื่มน้ำ ACTIV120 ควบคู่ไปกับการเยียวยารักษา ตั้งแต่ตอนให้เคมีบำบัดครั้งแรกช่วงกุมภาพันธ์ 2554”

“ฉันยังให้ลูกดื่มน้ำ ACTIV120 ไปพร้อมด้วยการให้เคมีบำบัดโดยไม่ยอมให้ดื่มน้ำอื่นเลย และภายหลังทุกครั้ง ที่จะทำการทำคีโมก็จะจำเป็นเจาะเลือดทุกที ผลลัพธ์เลือดออกมาว่าเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติดี ไม่จำเป็นให้ยาเสริมใดๆ เลย ยิ่งกว่านั้นฉันยังปีติเหลือประมาณเมื่อข้อสรุปการเอ็กซเรย์ และการสแกนกระดูกเป็นโดยปกติ”

ผลการเอ็กซเรย์ CT สแกน หรือคอมพิวเตอร์ความเร็วสูงครั้งที่ 2ทำหลังจากทีแรก 6 สัปดาห์ ทีนี้ผ่านการทำเคมีบำบัดครั้งที่ 1 และให้น้องดื่มน้ำ ACTIV120 ไปแล้ว พบว่าเนื้องอกในท้องเบาบางลงจากโดยประมาณ 8 เซ็นติเมตร เหลือ 6 ซม.
บทสรุปการเอ็กซเรย์ CT สแกนครั้งที่ 3 หลังจากครั้งที่ 2 12 สัปดาห์ มะเร็งในท้องหดตัวเหลือเกือบ 3 ซม.
บทสรุปการเอ็กซเรย์ CT สแกนครั้งที่ 4 ภายหลังครั้งที่ 3 16 สัปดาห์ กำลังรอคอยผลจากคุณหมอเพื่อรอการผ่าตัดเอาเนื้อร้ายออกให้เกลี้ยง

“น้องมีตุ่มเล็กๆขึ้นใบหน้าคล้ายกับกลากน้ำนมขึ้นที่แก้ม บางครั้งบางคราวทานขนมแล้วเปื้อนหน้ามีเม็ดขึ้น ดิฉันก็นำเอาผ้าชุบน้ำดื่มแอคทิเวท มาเช็ดหน้าให้เขา ผดผื่นก็ค่อยๆ ยุบลงทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทายา”

“ปัจจุบันน้องสุขภาพอนามัยแข็งแรงไม่เหมือนคนเจ็บ เป็นเด็กร่าเริง อารมณ์ดี พิสูจน์ได้ว่า น้ำ ACTIV120 ช่วยส่งเสริมสุขภาพน้องได้"

“ก่อนหน้านี้ บุตรชายคนโตเป็นหวัดบ่อย ต้องพาไปหาแพทย์ทุกอาทิตย์ เดี๋ยวนี้ก็ให้ลูกนำน้ำ ACTIV120ไปดื่มที่โรงเรียนด้วยประจำวัน ดิฉันมีความสุขมากเพราะด้วยเขาไม่เป็นหวัดอีกแล้ว”
เดี๋ยวนี้บ้านคุณยุพาพรเป็นครอบครัวน้ำ ACTIV120 (Activated Water)เพราะดื่มทั้งครอบครัว

“ครั้งหนึ่งพริกกระเด็นเข้าตาแสบมาก ดิฉันใช้วิธีการลืมตาในACTIV120 ผลปรากฎว่าหายแสบสนิท”
“ไม้ต้นหน้าบ้านราวกับมันใกล้จะตายใบแห้งและเริ่มเหลือง ใช้ACTIV120ไปรด 2-3 ครั้ง มองดูว่าต้นไม้ฟื้นตัวและเขียวสดใสขึ้นมา”

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : activ120

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://activ120-clean-water.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น